มิกิ โฮเวิร์ด ซึ่งเกิดในชื่อ อลิเซีย มิเชล โฮเวิร์ด เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงในวงการ R&B ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 และช่วงต้นทศวรรษ 1990 เสียงเพลงของมิกิล้วนผสมผสาน R&B แบบร่วมสมัย, นิว แจ็ค สวิง และควiet สตอร์ม ได้อย่างสวยงาม โดยดนตรีของมิกิจับหัวใจและจิตวิญญาณของอารมณ์ไว้ในทุกโน้ต เธอเป็นที่รู้จักในเรื่องเสียงร้องอันทรงพลังและการแสดงที่น่าสนใจของเธอ มิกิจึงได้นำเสนอเพลงฮิตอมตะให้กับโลก เช่น "Come Share My Love," "Baby Be Mine," และ "Love Under New Management" นับเป็นผู้บุกเบิกในวงการ โดยการมีส่วนร่วมของมิกิไม่เพียงแต่จะมีเพลงที่ติดชาร์ตเท่านั้น แต่ความสามารถในการนำประสบการณ์ส่วนตัวมาใส่ในเพลงของเธอได้สร้างความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งกับแฟนๆ วงการแผ่นเสียงยังถือว่าผลงานของเธอมีความสำคัญ โดยมีการออกเสียงแผ่นที่เป็นที่รู้จักซึ่งไปจูงใจทั้งผู้สะสมและผู้หลงใหลในแผ่นเสียง ทำให้เธอเป็นบุคคลที่ได้รับความรักในโลกของแผ่นเสียงที่กำลังขยายตัวอยู่เรื่อยๆ
มิกิ โฮเวิร์ด เกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 1960 ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ในครอบครัวที่เต็มไปด้วยประเพณีดนตรี โดยที่ทั้งสองท่านเป็นนักร้องเพลงกอสเปล มิกิจึงได้ถูกหล่อหลอมด้วยเสียงเพลงอันเข้มข้นตั้งแต่วัยเด็ก มารดาของเธอ ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มเพลงกอสเปลที่มีชื่อเสียงอย่าง The Caravans มักพาเธอไปยังบ้านของตำนานเพลงอย่าง อารีธา แฟรงคลิน และ เมวิส สเตเปิลส์ ซึ่งได้ปลูกฝังความรักและการชื่นชมในศิลปะให้กับเธอ ตั้งแต่อายุ 9 ปี ครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ลอสแองเจลิส ที่นั่นความสัมพันธ์ของมิกิกับดนตรีก็ยิ่งแนบแน่นเมื่อเธอมีส่วนร่วมในคณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์และการแสดงในท้องถิ่น ประสบการณ์ในช่วงแรกเหล่านี้ได้หล่อหลอมความชอบของเธอในแผ่นเสียง เพราะเธอเริ่มสะสมเพลงจากศิลปินแจ๊สและ R&B ที่มีอิทธิพล ซึ่งเป็นเส้นทางสำหรับอนาคตของเธอในฐานะนักร้องจังหวะที่มีเสียงอันไพเราะในวงการเพลงที่คึกคัก
สไตล์ดนตรีของมิกิ โฮเวิร์ด ได้รับการหล่อหลอมจากอิทธิพลที่หลากหลาย โดยเมื่อเติบโตขึ้นเธอได้แรงบันดาลใจจากบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น บิลลี่ ฮอลิเดย์, ไดน่า วอชิงตัน และ แนนซี วิลสัน ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจในการร้องเพลงแล้ว ยังมีความจริงใจทางอารมณ์ในโชว์ของพวกเขา ศิลปินเหล่านี้ได้ปลูกฝังการเคารพต่อประเพณีแจ๊สและ R&B ให้กับเธอ การเข้าร่วมในวงการไนท์คลับในลอสแองเจลิสที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะที่สถานที่อย่าง Maverick's Flat ได้เปิดโอกาสให้เธอได้สัมผัสกับการแสดงที่มีพลังของกลุ่ม เช่น Earth, Wind & Fire และ Rufus featuring Chaka Khan ซึ่งเพิ่มความปรารถนาของเธอในการสร้างความเชื่อมโยงที่มีพลังผ่านดนตรี คอลเลกชันแผ่นเสียงของเธอน่าจะรวมถึงอัลบั้มที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ ซึ่งทำหน้าที่ไม่เพียงเป็นแหล่งความทรงจำเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงศิลปินที่ปูทางให้กับผลกระทบของเธอในวงการด้วย
การเข้าสู่วงการเพลงของมิกิ โฮเวิร์ดเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอเปลี่ยนจากการแสดงในท้องถิ่นมาร่วมกลุ่ม Side Effect ในวัยเพียง 16 ปี หลังจากที่เธอแสดงความสามารถที่น่าประทับใจให้กับ ออกี จอห์นสัน ผู้นำกลุ่มในงานประกวดวัยรุ่น เธอจึงได้เข้าร่วมกลุ่มและเริ่มบันทึกเสียง หลังจากการทำงานที่ประสบความสำเร็จ มิกิได้ออกจาก Side Effect เพื่อแสวงหาอาชีพเดี่ยว ซึ่งการเปิดตัวที่สำคัญของเธอได้แก่ อัลบั้มแรก "Come Share My Love" ที่วางจำหน่ายในปี 1986 ผ่าน Atlantic Records ซึ่งทำให้เธอได้เข้าสู่การออกแผ่นเสียง ในระหว่างช่วงต้นอาชีพ มิกิได้พบข้อท้าทายในวงการ ตั้งแต่การหาทางเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอไปจนถึงความซับซ้อนในการเลี้ยงดูครอบครัว ขณะที่เธอกำลังสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะศิลปินที่ทรงพลัง ประสบการณ์นี้ได้ฝึกฝนทักษะของเธอและสร้างพื้นฐานสำหรับสไตล์เฉพาะตัวของเธอ ซึ่งยังคงมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อผู้ฟังและนักสะสมในปัจจุบัน
การก้าวขึ้นสู่ชื่อเสียงของมิกิ โฮเวิร์ดถึงจุดสูงสุดใหม่เมื่อเธอออกอัลบั้ม "Love Confessions" ที่ไม่สามารถลืมได้ ซึ่งมีเพลง R&B ฮิตอย่าง "Baby Be Mine" และ "That's What Love Is" ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในอาชีพของเธอ การออกแผ่นเสียงของเพลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เห็นถึงเสียงร้องทรงพลังของเธอ แต่ยังทำให้เธอมีที่ยืนในฐานะศิลปิน R&B ที่ยิ่งใหญ่ การได้รับคำชมอย่างกว้างขวางและการติดชาร์ตที่สำคัญทำให้ผลงานของมิกิกลายเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักสะสมแผ่นเสียงและผู้ที่ชื่นชอบดนตรีอย่างกว้างขวาง ความสามารถของเธอในการนำเรื่องราวส่วนตัวมาแสดงออกในเพลงมีพลังต่อผู้ฟัง ส่งผลให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมาย รวมถึงรางวัล Soul Train Music Award สาขาศิลปินหน้าใหม่ที่ดีที่สุด สื่อที่ให้ความสนใจในช่วงเวลานี้ได้เปิดประตูสู่งานทัวร์และการแสดงที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เธอกลายเป็นดาราที่โด่งดัง ซึ่งการเดินทางนี้ยังคงสร้างแรงบันดาลให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป
ชีวิตส่วนตัวของมิกิ โฮเวิร์ด ที่เต็มไปด้วยทั้งชัยชนะและความท้าทาย ได้มีผลกระทบอย่างมากต่อผลงานของเธอ ความสัมพันธ์ของเธอ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในความรักกับ เจอรัลด์ เลอเวิร์ต ได้มีอิทธิพลต่อการแต่งเพลงของเธอ ส่งผลให้เกิดเพลงที่จิตใจสื่อสารอันมีค่าอย่าง "Love Under New Management" เนื้อเพลงของมิกิมักสะท้อนประสบการณ์ส่วนตัวของเธอ ซึ่งสร้างความลึกซึ้งทางอารมณ์ที่สื่อถึงกับผู้ฟัง นอกเหนือจากดนตรีแล้ว มิกิเป็นผู้สนับสนุนอย่างกระตือรือร้นสำหรับประเด็นทางสังคมหลายประการ โดยใช้แพลตฟอร์มของเธอในการสร้างความตระหนักรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตลอดชีวิตของเธอ เธอเผชิญกับปัญหาที่หลายคนสามารถเชื่อมโยงกับมันได้ และจากทุกสิ่งที่เธอประสบ ความมุ่งมั่นและความรักในงานศิลปะของเธอก็ยิ่งปรากฏชัด ผ่านการ embrace ทั้งความเจ็บปวดและความสุขในชีวิตส่วนตัว เธอจึงได้สร้างผลงานที่เข้มข้นและสามารถเชื่อมความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชมได้
ณ ปี 2024 มิกิ โฮเวิร์ด ยังคงเป็นแรงผลักดันที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเพลง ด้วยโปรเจกต์ล่าสุด รวมถึงการปล่อยเพลงใหม่และการแสดงสด เธอยังคงทุ่มเทให้กับศิลปะและแฟนๆ ของเธอ ในปี 2015 เธอได้ปล่อย EP "I Choose to Be Happy" ซึ่งมีเพลงใหม่แสนสดใสและบันทึกการแสดงยอดนิยมในอดีตของเธอ ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของมิกิ โฮเวิร์ด ต่อความเป็นเลิศมิได้ถูกมองข้าม เธอได้รับรางวัลมากมายตลอดเส้นทางอาชีพที่ยาวนาน มิกิ โฮเวิร์ด มีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นใหม่ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เสียงและสไตล์ของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีรุ่นใหม่ การเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งที่เธอได้สร้างขึ้นผ่านดนตรีของเธอทำให้มั่นใจได้ว่ามรดกของเธอจะคงอยู่ สร้างสถานะของเธอในฐานะไอคอนที่ไม่มีวันหมดอายุในวัฒนธรรมแผ่นเสียงและประวัติศาสตร์ดนตรี
Exclusive 15% Off for Teachers, Students, Military members, Healthcare professionals & First Responders - Get Verified!